================================================== -->
- สมมุติว่า กสทชชุดใหม่มีแบ็กที่ช่วยให้เข้ามา แล้วมีค่ายมือถือบางแห่งไม่อยากให้จัดประมูลก็สามารถทำได้
ถามหาจริยธรรมความซื่อสัตย์ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 21 มกราคม พศ 2561 เวลา 10:29 น 21 มค61- ศูนย์สำรวจความคิดเห็น นิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง คุณธรรมและจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 17 18 มกราคม 2561 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปี ขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา และอาชีพทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,250 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับคุณธรรมและจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างด้วยความน่าจะเป็น จากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ นิด้าโพล ด้วยวิธีแบบแบ่งชั้นภูมิ (Stratified Random Sampling) โดยแบ่งชั้นภูมิตามภูมิภาค จากนั้นในแต่ละภูมิภาคสุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบอย่างง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่นที่ ร้อยละ 950 จากการสำรวจเมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ควรมีมากที่สุด พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 5424 ระบุว่า เป็นความซื่อสัตย์สุจริต โปร่งใส รองลงมา ร้อยละ 1304 ระบุว่า เป็นการไม่ใช้อำนาจ ตำแหน่ง หน้าที่ เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ให้กับตนเองหรือพวกพ้อง เช่น การแก้ไขกฎหมายเพื่อให้ตนเองได้ประโยชน์ การใช้อำนาจหน้าที่ใน ทางมิชอบ ร้อยละ 1256 ระบุว่า เป็นการเอาใจใส่ และความตั้งใจที่จะทำงานเพื่อประเทศชาติ ร้อยละ 680 ระบุว่า เป็นการปฏิบัติตน เป็นแบบอย่างที่ดี เคารพกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับของบ้านเมือง ร้อยละ 664 ระบุว่า เป็นการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาประเทศชาติอย่างเท่าเทียมกันโดยไม่เลือกปฏิบัติ หรือแบ่งแยก ร้อยละ 200 ระบุว่า เป็นการรักษาความเป็นระบอบประชาธิปไตย รับฟังเสียงส่วนน้อย ยึดหลักการมี ส่วนร่วม ร้อยละ 184 ระบุว่า เป็นการไม่สร้างความแตกแยกในสังคม หรือไม่กล่าวหาฝ่ายตรงข้าม ไม่บิดเบือนข้อเท็จจริง ร้อยละ 128 ระบุว่า มีความรับผิดชอบในสิ่งที่ทำ ร้อยละ 120 ระบุว่า ยึดหลักความพอเพียง ใช้ทรัพย์สินของราชการเป็นประโยชน์ เกิดความคุ้มค่ามากที่สุด และร้อยละ 040 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ ผลการสำรวจนี้แสดงให้เห็นว่าในสังคมไทยประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยให้ความสำคัญกับการใช้อำนาจ ตำแหน่ง หน้าที่เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ให้กับตนเองหรือพวกพ้อง หรือยังไม่ให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ทับซ้อนเท่าที่ควร ด้านความคิดเห็นเกี่ยวกับจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในภาพรวม (ได้แก่ ครม สนช สปท) พบว่า ร้อยละ 4200 ระบุว่า ไม่ค่อยมีจริยธรรม ร้อยละ 1048 ระบุว่า มีจริยธรรมมาก ร้อยละ 3128 ระบุว่า มีจริยธรรมค่อนข้างมาก ร้อยละ 1120 ระบุว่า ไม่มีจริยธรรมเลย และร้อยละ 504 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ แสดงให้เห็นว่าแม้ในปัจจุบันก็ยังเชื่อว่าผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในภาพรวมไม่ค่อยมีจริยธรรม ซึ่งไม่สอดคล้องกับนโยบายของคสช ที่ต้องการเน้นจริยธรรมและการปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่นในการบริหารราชการแผ่นดิน สำหรับการตัดสินใจของประชาชนหากต้องเลือกระหว่าง ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่เก่ง มีผลงาน แต่ ไม่มีจริยธรรม กับ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่มีจริยธรรม แต่ ไม่เก่ง มีผลงานน้อย พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 7488 ระบุว่า จะเลือกผู้ดำรงตำแหน่ง ทางการเมืองที่มีจริยธรรม แต่ ไม่เก่ง มีผลงานน้อย ขณะที่ ร้อยละ 1736 ระบุว่า จะเลือกผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่เก่ง มีผลงาน แต่ ไม่มีจริยธรรม ร้อยละ 368 ระบุว่า ไม่เลือกทั้งสองแบบ และร้อยละ 408 ระบุว่า ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ แสดงให้เห็นว่ามากกว่าสามในสี่ของประชาชนยังยอมรับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ไม่เก่งแต่ไม่โกงได้ มากกว่าผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่เก่งแต่โกง ท้ายที่สุด เมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับสิ่งที่ควรทำ เพื่อให้ประเทศไทยมีแต่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ดี เก่ง มีผลงาน และมีจริยธรรม พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 3520 ระบุว่า ควรมีบทลงโทษทางวินัยอย่างเคร่งครัด รองลงมา ร้อยละ 2952 ระบุว่า ควรมีหน่วยงานตรวจสอบคุณธรรม จริยธรรม และความประพฤติของนักการเมือง ร้อยละ 2144 ระบุว่า ควรมีระบบคัดกรองนักการเมืองน้ำดี มีคุณภาพ ร้อยละ 1960 ระบุว่า ประชาชนต้องไม่ซื้อสิทธิขายเสียง ร้อยละ 1480 ระบุว่า ควรแก้ไขที่ระบบการศึกษาของไทย ร้อยละ 1400 ระบุว่า ควรสร้างค่านิยมใหม่ ๆ ปรับทัศนคติ ค่านิยมคนไทยบางกลุ่มที่ยึดติดกับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ไม่มีจริยธรรม แต่เก่ง มีผลงานหรือทัศนคติที่ว่าโกงได้ แต่ขอให้ประเทศพัฒนา ร้อยละ 168 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ มีความซื่อสัตย์ต่อตนเอง, เร่งปฏิรูปการเมืองและนักการเมือง, ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในกระบวนการตรวจสอบความโปร่งใสในการทำงานของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และร้อยละ 320 ไม่ระบุ/ ไม่แน่ใจ แสดงให้เห็นว่าประชาชนต้องการให้มีการลงโทษผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่โกง ต้องมีการตรวจสอบ และมีการคัดกรองนักการเมืองที่ดี กล่าวโดยสรุป ประชาชนต้องการผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่มีความซื่อสัตย์ สุจริต โปร่งใส แต่ยังไม่ให้ความสำคัญเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนมากนัก อย่างไรก็ตามประชาชนมีความเห็นว่าผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในปัจจุบันไม่ค่อยมีจริยธรรมซึ่งผลการสำรวจนี้ไม่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่เน้นเรื่องจริยธรรมและความซื่อสัตย์สุจริต นอกจากนี้ประชาชนยังทนและยอมรับได้กับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ไม่เก่งแต่ไม่โกง มากกว่าผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่เก่งแต่โกง และประชาชนต้องการให้มีการลงโทษผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่โกง ต้องมีการตรวจสอบที่เข้มข้น และมีการคัดกรองนักการเมืองที่ดี เมื่อพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 888 มีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพฯ ตัวอย่างร้อยละ 2528 มีภูมิลำเนาอยู่ปริมณฑลและภาคกลาง ร้อยละ 1816 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคเหนือ ร้อยละ 3344 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และร้อยละ 1424 มีภูมิลำเนา อยู่ภาคใต้ ตัวอย่าง ร้อยละ 5576 เป็นเพศชาย ร้อยละ 4416 เป็นเพศหญิง และร้อยละ 008 เป็นเพศทางเลือก ตัวอย่างร้อยละ 496 มีอายุ 18 25 ปี ตัวอย่าง ร้อยละ 1744 มีอายุ 26 35 ปี ร้อยละ 2352 มีอายุ 36 45 ปี ร้อยละ 3264 มีอายุ 46 59 ปี ร้อยละ 1920 มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และร้อยละ 224 ไม่ระบุอายุ ตัวอย่าง ร้อยละ 9112 นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 328 นับถือศาสนาอิสลาม ร้อยละ 144 นับถือศาสนาคริสต์ /ฮินดู/ซิกข์/ยิว/ไม่นับถือศาสนาใด ๆ และร้อยละ 416 ไม่ระบุศาสนา ตัวอย่าง ร้อยละ 2360 ระบุว่าสถานภาพโสด ร้อยละ 6728 สมรสแล้ว ร้อยละ 504 หม้าย หย่าร้าง แยกกันอยู่ และร้อยละ 408 ไม่ระบุสถานภาพการสมรส ตัวอย่างร้อยละ 2536 จบการศึกษาประถมศึกษาหรือต่ำกว่า ร้อยละ 2880 จบการศึกษามัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 752 จบการศึกษาอนุปริญญาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 2720 จบการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า ร้อยละ 656 จบการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และร้อยละ 456 ไม่ระบุการศึกษา ตัวอย่างร้อยละ 1304 ประกอบอาชีพข้าราชการ/ลูกจ้าง/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 1512 ประกอบอาชีพพนักงานเอกชน ร้อยละ 2248 ประกอบอาชีพเจ้าของธุรกิจ/อาชีพอิสระ ร้อยละ 1344 ประกอบอาชีพเกษตรกร/ประมง ร้อยละ 1472 ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป/ ผู้ใช้แรงงาน ร้อยละ 1472 เป็นพ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงาน ร้อยละ 192 เป็นนักเรียน/นักศึกษา ร้อยละ 008 เป็นพนักงานองค์กรอิสระที่ไม่แสวงหากำไร และร้อยละ 448 ไม่ระบุอาชีพ ตัวอย่างร้อยละ 1008 ไม่มีรายได้ ร้อยละ 2376 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนไม่เกิน 10,000 บาท ร้อยละ 2336 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,001 20,000 บาท ร้อยละ 1248 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,001 30,000 บาท ร้อยละ 680 มีรายได้เฉลี่ย ต่อเดือน 30,001 40,000 บาท ร้อยละ 992 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 40,001 บาทขึ้นไป และร้อยละ 1360 ไม่ระบุรายได้
โพสต์บล็อกทั้งหมด£¨99£©
การจำแนกประเภท: สายด่วน Qilu
slotxo567£¬พิพิธภัณฑ์แห่งชาติทางด้านเทคนิคในกรุงปราก ส่วนที่จัดแสดงยานพาหนะและการขนส่ง สิ่งที่รัฐบาลเป็นห่วง คือการเดินของกลุ่มดังกล่าวที่มีระยะทางไกล หากในระหว่างเดินมีอุบัติเหตุอะไรเกิดขึ้น ก็จะสร้างความเสียใจให้กับทุกฝ่าย ประกอบกับอากาศที่ร้อน ผมจึงอยากให้ทุกฝ่ายคุยกัน เพื่อแก้ไขปัญหาจะดีกว่า ยืนยันว่ารัฐบาลมีความตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านี้อยู่แล้ว และเราก็ได้รับทราบปัญหาเหล่านี้มาพร้อมๆกันกับท่านเช่นกัน พลทสรรเสริญ กล่าวถ้าเป็นเอกชนแล้วคิดว่าบอร์ด กสทชจะชี้เป็นชี้ตายกับเขา ขั้นแรกก็ต้องส่งตัวแทนไปเป็นบอร์ดเช่นเคยทำงานที่บริษัทหรือใครที่เขาไว้ใจแล้วส่งมาเป็นบอร์ด กสทช ต่อให้เขาคิดว่าคนที่จะมาเป็นตัวแทนไม่สามารถเข้ามานั่งเป็นกรรมการได้ เขาก็มาล็อบบี้บอร์ดมาทำความคุ้นเคยใหม่เอกชนเขาทำสองช็อตตลอดเวลาเอกชนก็จะมาป้วนเปี้ยนมาแนะนำตัว มาเลี้ยงดูอะไรกันนอกจากนี้ยังทำให้บรรดากองหนุนเลิกกระอักกระอ่วนใจ ขณะที่คอการเมือง สังคม สื่อมวลชน จะได้เลิกคาใจในมาตรฐานของรัฐบาลชุดนี้ ที่เคยประกาศนโยบายว่าจะไม่ทนต่อการคอร์รัปชันอีกต่อไป สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่อวดอ้างว่าเป็นฉบับปราบโกง มิใช่เป็นกฎหมายฉบับหมกเม็ดเกื้อหนุนผู้มีอำนาจอย่างที่ถูกกล่าวหาอีกด้วย
ถึงได้บอกว่าการประมูลมันไม่ได้วัดความสำเร็จที่เม็ดเงิน แต่วัดที่ความสำเร็จในธุรกิจว่าตลาดมีความเป็นธรรมต่อผู้บริโภคหรือไม่ จึงต้องบอกว่าการประมูลทีวีดิจิทัล ประมูลคลื่น 3 จี พูดตรงไปตรงมา ในต่างประเทศต้องบอกว่าล้มเหลว ไม่มีใครบอกว่าประสบความสำเร็จพิพิธภัณฑ์แห่งชาติทางด้านเทคนิคในกรุงปราก ส่วนที่จัดแสดงยานพาหนะและการขนส่ง กิจกรรมล่าสุดได้จัดกิจกรรม ดีโด้สตรีทซ็อคเกอร์ และ ดีโด้สตรีทแดนซ์โชว์ และเพื่อต่อยอดความสำเร็จของกิจกรรมต่างๆ ปีนี้ เราได้ขยายพื้นที่ออกไปทั่วประเทศเพื่อให้เยาวชนที่อยู่ในภูมิภาคต่างๆ ได้เข้าร่วมกิจกรรมกันอย่างทั่วถึง ซึ่งในปีนี้จะเน้นที่กีฬาฟุตบอลและการเต้น ซึ่งเป็นกีฬาที่เด็กรุ่นใหม่ให้ความนิยมโดยการจัดกิจกรรมการแข่งขันฟุตบอลโกล์หนู ดีโด้สตรีทซ็อคเกอร์ และการประกวดเต้นสุดฮิป ดีโด้สตรีทแดนซ์โชว์ ชิงเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 300,000 บาท ทั้งนี้ กิจกรรมที่เกิดขึ้นนี้ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมส่งเสริมการตลาดที่ควบคู่ไปกับการส่งมอบสิ่งดีๆ ตอบแทนกลับคืนสู่สังคม ซึ่งเราได้ดำเนินการมาตลอดเวลา สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้ เราได้จัดขึ้นครอบคลุมทั้ง 4 ภูมิภาค เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนอายุไม่เกิน 18 ปีจากทั่วประเทศได้เข้าร่วมกิจกรรมให้มากที่สุด 21 มค61 - ผู้สื่อข่าวรายงาน ความเคลื่อนไหวของ พลอประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะเดินทางไปร่วมงานวันกองทัพบก ที่สโมสรทหารบกในเย็นวันนี้ โดย มี พลอประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ในงาน และยังมีรัฐมนตรีทหาร ,ผู้บัญชาการเหล่าทัพ, ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมงานด้วย ท่ามกลางกระแสกดดันให้ลาออกจากตำแหน่ง ต่อกรณีการครอบครองนาฬิกาหรู
ก่อนหน้านี้:เครื่องสล็อตบันเทิง Lianfa p
ต่อไป:12เบ็
ความงาม 2021-02-25
หลิวจือจิน £ºถามหาจริยธรรมความซื่อสัตย์ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 21 มกราคม พศ 2561 เวลา 10:29 น 21 มค61- ศูนย์สำรวจความคิดเห็น นิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง คุณธรรมและจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 17 18 มกราคม 2561 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปี ขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา และอาชีพทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,250 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับคุณธรรมและจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างด้วยความน่าจะเป็น จากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ นิด้าโพล ด้วยวิธีแบบแบ่งชั้นภูมิ (Stratified Random Sampling) โดยแบ่งชั้นภูมิตามภูมิภาค จากนั้นในแต่ละภูมิภาคสุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบอย่างง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่นที่ ร้อยละ 950 จากการสำรวจเมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ควรมีมากที่สุด พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 5424 ระบุว่า เป็นความซื่อสัตย์สุจริต โปร่งใส รองลงมา ร้อยละ 1304 ระบุว่า เป็นการไม่ใช้อำนาจ ตำแหน่ง หน้าที่ เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ให้กับตนเองหรือพวกพ้อง เช่น การแก้ไขกฎหมายเพื่อให้ตนเองได้ประโยชน์ การใช้อำนาจหน้าที่ใน ทางมิชอบ ร้อยละ 1256 ระบุว่า เป็นการเอาใจใส่ และความตั้งใจที่จะทำงานเพื่อประเทศชาติ ร้อยละ 680 ระบุว่า เป็นการปฏิบัติตน เป็นแบบอย่างที่ดี เคารพกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับของบ้านเมือง ร้อยละ 664 ระบุว่า เป็นการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาประเทศชาติอย่างเท่าเทียมกันโดยไม่เลือกปฏิบัติ หรือแบ่งแยก ร้อยละ 200 ระบุว่า เป็นการรักษาความเป็นระบอบประชาธิปไตย รับฟังเสียงส่วนน้อย ยึดหลักการมี ส่วนร่วม ร้อยละ 184 ระบุว่า เป็นการไม่สร้างความแตกแยกในสังคม หรือไม่กล่าวหาฝ่ายตรงข้าม ไม่บิดเบือนข้อเท็จจริง ร้อยละ 128 ระบุว่า มีความรับผิดชอบในสิ่งที่ทำ ร้อยละ 120 ระบุว่า ยึดหลักความพอเพียง ใช้ทรัพย์สินของราชการเป็นประโยชน์ เกิดความคุ้มค่ามากที่สุด และร้อยละ 040 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ ผลการสำรวจนี้แสดงให้เห็นว่าในสังคมไทยประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยให้ความสำคัญกับการใช้อำนาจ ตำแหน่ง หน้าที่เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ให้กับตนเองหรือพวกพ้อง หรือยังไม่ให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ทับซ้อนเท่าที่ควร ด้านความคิดเห็นเกี่ยวกับจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในภาพรวม (ได้แก่ ครม สนช สปท) พบว่า ร้อยละ 4200 ระบุว่า ไม่ค่อยมีจริยธรรม ร้อยละ 1048 ระบุว่า มีจริยธรรมมาก ร้อยละ 3128 ระบุว่า มีจริยธรรมค่อนข้างมาก ร้อยละ 1120 ระบุว่า ไม่มีจริยธรรมเลย และร้อยละ 504 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ แสดงให้เห็นว่าแม้ในปัจจุบันก็ยังเชื่อว่าผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในภาพรวมไม่ค่อยมีจริยธรรม ซึ่งไม่สอดคล้องกับนโยบายของคสช ที่ต้องการเน้นจริยธรรมและการปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่นในการบริหารราชการแผ่นดิน สำหรับการตัดสินใจของประชาชนหากต้องเลือกระหว่าง ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่เก่ง มีผลงาน แต่ ไม่มีจริยธรรม กับ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่มีจริยธรรม แต่ ไม่เก่ง มีผลงานน้อย พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 7488 ระบุว่า จะเลือกผู้ดำรงตำแหน่ง ทางการเมืองที่มีจริยธรรม แต่ ไม่เก่ง มีผลงานน้อย ขณะที่ ร้อยละ 1736 ระบุว่า จะเลือกผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่เก่ง มีผลงาน แต่ ไม่มีจริยธรรม ร้อยละ 368 ระบุว่า ไม่เลือกทั้งสองแบบ และร้อยละ 408 ระบุว่า ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ แสดงให้เห็นว่ามากกว่าสามในสี่ของประชาชนยังยอมรับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ไม่เก่งแต่ไม่โกงได้ มากกว่าผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่เก่งแต่โกง ท้ายที่สุด เมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับสิ่งที่ควรทำ เพื่อให้ประเทศไทยมีแต่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ดี เก่ง มีผลงาน และมีจริยธรรม พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 3520 ระบุว่า ควรมีบทลงโทษทางวินัยอย่างเคร่งครัด รองลงมา ร้อยละ 2952 ระบุว่า ควรมีหน่วยงานตรวจสอบคุณธรรม จริยธรรม และความประพฤติของนักการเมือง ร้อยละ 2144 ระบุว่า ควรมีระบบคัดกรองนักการเมืองน้ำดี มีคุณภาพ ร้อยละ 1960 ระบุว่า ประชาชนต้องไม่ซื้อสิทธิขายเสียง ร้อยละ 1480 ระบุว่า ควรแก้ไขที่ระบบการศึกษาของไทย ร้อยละ 1400 ระบุว่า ควรสร้างค่านิยมใหม่ ๆ ปรับทัศนคติ ค่านิยมคนไทยบางกลุ่มที่ยึดติดกับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ไม่มีจริยธรรม แต่เก่ง มีผลงานหรือทัศนคติที่ว่าโกงได้ แต่ขอให้ประเทศพัฒนา ร้อยละ 168 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ มีความซื่อสัตย์ต่อตนเอง, เร่งปฏิรูปการเมืองและนักการเมือง, ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในกระบวนการตรวจสอบความโปร่งใสในการทำงานของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และร้อยละ 320 ไม่ระบุ/ ไม่แน่ใจ แสดงให้เห็นว่าประชาชนต้องการให้มีการลงโทษผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่โกง ต้องมีการตรวจสอบ และมีการคัดกรองนักการเมืองที่ดี กล่าวโดยสรุป ประชาชนต้องการผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่มีความซื่อสัตย์ สุจริต โปร่งใส แต่ยังไม่ให้ความสำคัญเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนมากนัก อย่างไรก็ตามประชาชนมีความเห็นว่าผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในปัจจุบันไม่ค่อยมีจริยธรรมซึ่งผลการสำรวจนี้ไม่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่เน้นเรื่องจริยธรรมและความซื่อสัตย์สุจริต นอกจากนี้ประชาชนยังทนและยอมรับได้กับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ไม่เก่งแต่ไม่โกง มากกว่าผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่เก่งแต่โกง และประชาชนต้องการให้มีการลงโทษผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่โกง ต้องมีการตรวจสอบที่เข้มข้น และมีการคัดกรองนักการเมืองที่ดี เมื่อพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 888 มีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพฯ ตัวอย่างร้อยละ 2528 มีภูมิลำเนาอยู่ปริมณฑลและภาคกลาง ร้อยละ 1816 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคเหนือ ร้อยละ 3344 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และร้อยละ 1424 มีภูมิลำเนา อยู่ภาคใต้ ตัวอย่าง ร้อยละ 5576 เป็นเพศชาย ร้อยละ 4416 เป็นเพศหญิง และร้อยละ 008 เป็นเพศทางเลือก ตัวอย่างร้อยละ 496 มีอายุ 18 25 ปี ตัวอย่าง ร้อยละ 1744 มีอายุ 26 35 ปี ร้อยละ 2352 มีอายุ 36 45 ปี ร้อยละ 3264 มีอายุ 46 59 ปี ร้อยละ 1920 มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และร้อยละ 224 ไม่ระบุอายุ ตัวอย่าง ร้อยละ 9112 นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 328 นับถือศาสนาอิสลาม ร้อยละ 144 นับถือศาสนาคริสต์ /ฮินดู/ซิกข์/ยิว/ไม่นับถือศาสนาใด ๆ และร้อยละ 416 ไม่ระบุศาสนา ตัวอย่าง ร้อยละ 2360 ระบุว่าสถานภาพโสด ร้อยละ 6728 สมรสแล้ว ร้อยละ 504 หม้าย หย่าร้าง แยกกันอยู่ และร้อยละ 408 ไม่ระบุสถานภาพการสมรส ตัวอย่างร้อยละ 2536 จบการศึกษาประถมศึกษาหรือต่ำกว่า ร้อยละ 2880 จบการศึกษามัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 752 จบการศึกษาอนุปริญญาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 2720 จบการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า ร้อยละ 656 จบการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และร้อยละ 456 ไม่ระบุการศึกษา ตัวอย่างร้อยละ 1304 ประกอบอาชีพข้าราชการ/ลูกจ้าง/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 1512 ประกอบอาชีพพนักงานเอกชน ร้อยละ 2248 ประกอบอาชีพเจ้าของธุรกิจ/อาชีพอิสระ ร้อยละ 1344 ประกอบอาชีพเกษตรกร/ประมง ร้อยละ 1472 ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป/ ผู้ใช้แรงงาน ร้อยละ 1472 เป็นพ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงาน ร้อยละ 192 เป็นนักเรียน/นักศึกษา ร้อยละ 008 เป็นพนักงานองค์กรอิสระที่ไม่แสวงหากำไร และร้อยละ 448 ไม่ระบุอาชีพ ตัวอย่างร้อยละ 1008 ไม่มีรายได้ ร้อยละ 2376 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนไม่เกิน 10,000 บาท ร้อยละ 2336 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,001 20,000 บาท ร้อยละ 1248 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,001 30,000 บาท ร้อยละ 680 มีรายได้เฉลี่ย ต่อเดือน 30,001 40,000 บาท ร้อยละ 992 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 40,001 บาทขึ้นไป และร้อยละ 1360 ไม่ระบุรายได้
โดยเฉพาะความน่าเชื่อถือของศาลรัฐธรรมนูญที่ต้องวินิจฉัยปัญหาทับซ้อนตัวเอง จากกรณี สนชจำใจเตรียมยื่นตีความคุณสมบัติของ ปปช หลังก่อนหน้านี้ สนชได้ให้การรับรองตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอยู่ในตำแหน่งต่อไป ทั้งที่มีคุณสมบัติขัดรัฐธรรมนูญ
เจ้าหญิงสีส้ม 2021-02-25 07:05:29
เสี่ยกำพล-เมีย ยังล่องหน!คุมเข้มด่านตมสกัดเผ่นคดีค้ามนุษย์ 21 มกราคม พศ 2561 เวลา 16:46 น
wanyan 2021-02-25 07:05:29
ด้วยเหตุนี้ พลอประวิตร วงษ์สุวรรณ ควรจะต้องเสียสละด้วยการลาออก หรืออย่างน้อยก็ต้องพักงานหยุดปฏิบัติหน้าที่ เพื่อรักษาองคาพยพของ คสชให้อยู่รอดต่อไป ช่วยลดกระแสขาลงของรัฐบาลที่ถูกรุมกระหน่ำเข้ามาทุกด้านไม่ว่าจะปัญหาทางการเมืองหรือปากท้อง ที่สำคัญยังช่วยลดวิกฤติศรัทธาที่มีต่อนายกรัฐมนตรี รวมทั้ง ปปชและศาลรัฐธรรมนูญให้ดีกรีเบาบางลง £¬รตอณัฐพล ศรีน้อย ร้อยเวรสอบสวน สภเมืองที ได้ทำการสอบสวน นายณรงค์ ยินดี อายุ 39 ปี อยู่บ้านชะอำ ตชะอำ อชะอำ จเพชรบุรี พนักงานขับรถทัวร์คันดังกล่าว ทราบว่า เป็นพนักงานขับรถทัวร์ เดินทางมาจาด จภูเก็ต ปลายทาง จอุบลราชธานี มีผู้โดยสารมา 20 คน ขณะขับรถมาถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นทางโค้ง และกำลังมีการก่อสร้างเกาะกลางถนน รถทัวร์เกิดเสียหลักตกข้างทาง กำลังจะชนเข้ากับเสาไฟฟ้าริมทาง ด้วยความตกใจจึงหักพวงมาลัยรถ ดึงขึ้นจากขอบถนน ทำให้รถเกิดเสียหลักพลิกตะแคงคว่ำ โชคดีที่ไม่มีผู้เสียชีวิต¡£ถึงเกสต์เฮาส์ SG1 ที่เคยพักเมื่อคราวมาเที่ยวกรุงปรากครั้งก่อนราวบ่ายโมงนิดๆ ยังไม่ถึงเวลาเช็กอินตอนบ่าย 3 จึงต้องฝากกระเป๋าไว้กับรีเซ็พชั่นสาวแล้วลงจากเกสต์เฮาส์เดินไปยัง กำแพงเลนน่อน (Lennon Wall) ซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน กำแพงสำหรับเขียนอักษรสันติภาพแห่งนี้กลายเป็นกำแพงกราฟฟิติเรียบร้อยแล้ว เพราะไม่ว่าที่ใดในโลกพวกนักพ่นสีจะรี่ไปฝากรูปฝังรอยไว้ อย่าว่าแต่ที่สาธารณะเลย สถานที่หวงห้ามก็ไม่มีข้อยกเว้น อาจกลายเป็นความท้าทายของนักพ่นสีบางท่านด้วยซ้ำไป¡£
แก้ไขการแต่งหน้า 2021-02-25 07:05:29
ตื่นเช้าอีกวันพบว่ามีเพื่อนร่วมห้องเพิ่มมาอีกคน ไม่แน่ใจว่าเขามาเช็กอินตอนไหน ผมอาบน้ำแล้วก็เดินไปร้านอาหารจีนที่ส่วนมากลูกค้าจะสั่งกลับบ้านแต่มีที่นั่งในร้านด้วย ผมสั่งข้าวราดปลาผัดผัก ป้ายเขียนว่า ไทยสไตล์ ซึ่งมีหลายเมนูที่เขียนว่าเป็นอาหารไทย ผัดเสร็จต้องไปรับที่เคาน์เตอร์ เสิร์ฟมาในจานพลาสติกและซ่อมพลาสติก ราคา 109 โครูนา (ไม่มีช้อน) ปลาถูกนำไปชุบแป้งทอดซึ่งเมื่อเอาแป้งออกจะเหลือชิ้นเล็กนิดเดียวและมีน้อยชิ้น รสชาติออกหวานๆ แต่กินจนหมดเพราะเมื่อวานกินไก่ทอดแม็คโดนัลด์เป็นมื้อค่ำไม่ค่อยอิ่ม เช้านี้จึงหิวกว่าปกติ เสร็จแล้วก็เดินไปกินกาแฟที่แม็คโดนัลด์สาขาเดิม ราคา 35 โครูนา รสชาติไม่เลวและถูกกว่าร้านอื่นๆ £¬ในรอบสุดท้าย เซอร์จิโอ การ์เซีย ดีกรีแชมป์มาสเตอร์สบวกเพิ่ม 3 อันเดอร์พาร์ 68 จากการเก็บ 3 เบอร์ดี้ ไม่เสียโบกี้ รวมสี่วันมี 14 อันเดอร์พาร์ 270 คว้าแชมป์ไปครอง โดยเอาชนะอันดับสองร่วม ซาโตชิ โคไดระ จากญี่ปุ่น และฌอน นอริช โปรแอฟริกาใต้ที่มี 9 อันเดอร์พาร์ 5 สโตรก พร้อมรับเงินรางวัล 180,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 573 ล้านบาท¡£ข้างๆ รูปปั้น ศรี ชินมอย คือ Museum Kampa พิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับศิลปะสมัยใหม่ ภายนอกอาคารมีประติมากรรมขนาดใหญ่เป็นรูปทารกหัวโตคล้ายใส่เฮดการ์ดมวยคุกเข่าคลานอยู่สามสี่ชิ้น จากนั้นเดินห่างจากริมน้ำออกมา ผ่าน Karel Zeman Museum พิพิธภัณฑ์ทางด้านสเปเชียลเอ็ฟเฟ็กต์ที่ใช้ในภาพยนตร์ ของ คาเรล ซีมาน ยอดผู้กำกับหนังแฟนตาซีชาวเช็กในยุค 1940 s 1950 s แล้วเดินไปเรื่อยๆ จนลอดใต้เชิงสะพานชาร์ลส์ ผ่านพิพิธภัณฑ์ผีและตำนานกรุงปราก ก่อนเข้าไปเช็กอินที่โฮสเทลประมาณบ่าย 3 ครึ่ง ¡£
โซลูชั่นแดงแต่งหน้า 2021-02-25 07:05:29
แดนไท เผยว่า รอบนี้พัตต์ไม่ดีเลย ทำ 3 พัตต์ประมาณ 3-4 หลุม เสียดับเบิลโบกี้ที่หลุม 3 พาร์ 3 หลังตีตกน้ำแล้วทำ 4 ออน 2 พัตต์ พอมารอบหลังเริ่มกลับมาตีดีขึ้น มีโอกาสพัตต์เบอร์ดี้มากขึ้น และชิพลงที่หลุม 14 พาร์ 3 ทำให้เหมือนโมเมนตั้มกลับมา และเก็บเบอร์ดี้ได้อีกที่หลุม 16 แต่มาเสีย 3 พัตต์หลุมสุดท้าย เสียดาย แต่ก็ดีใจที่ได้ตั๋วผ่านเข้าไปเล่นรายการเมเจอร์ ดิ โอเพน แชมเปียนชิพ ถือเป็นเกียรติประวัติที่ได้เข้าร่วมแข่งขันกอล์ฟเมเจอร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และถือเป็นของขวัญล่วงหน้าที่ดีสำหรับวันเกิดครบรอบ 22 ปีในวันอังคารที่ 23 มกราคมนี้ £¬แซร์โจ้ อเกวโร่ ถล่มตาข่าย นิวคาสเซิล ได้อีก นำ จ่าฝูง พรีเมียร์ลีก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กลับมาเก็บชัยชนะได้อีกครั้ง ด้วยการยำคู่แข่งไป 3-1 ที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม เกมคู่ดึก เมื่อคืนวันเสาร์ กองหน้าชาวอาร์เจนติเนี่ยน ที่เคยยิงเจ้าสาลิกาดงในเกมเดียวถึง 5 ประตูมาแล้วเมื่อปี 2015 ทำแฮทริกได้ในแมทข์นี้ และช่วยให้ ซิตี้ กลับมาเดินหน้าล่าแชมป์ต่อ หลังจากที่พลาดท่าแพ้เป็นนัดแรกของฤดูกาลที่บ้านของ ลิเวอร์พูล เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จาค็อบ เมอร์ฟีย์ นักเตะดาวรุ่งของนิวคาสเซิล ช่วยให้ ทีมเยือนมีความหวังว่าขอแบ่งแต้มกลับไป หลังตีไข่แตก ให้สกอร์เป็น 2-1 ในนาทีที่ 67 แต่ อเกวโร่ ก็มาทำประตูที่สามของตนเองในเกมนี้ ปิดเกมสนิท 7 นาทีก่อนหมดเวลา ซิตี้ ชนะไปสบายๆ 3-1 คะแนนล่าสุด ซิตี้ เตะไป 24 นัด มี 65 คะแนน ตามด้วย แมนฯ ยูฯ 53 และ เชลซี 50¡£ถามหาจริยธรรมความซื่อสัตย์ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 21 มกราคม พศ 2561 เวลา 10:29 น 21 มค61- ศูนย์สำรวจความคิดเห็น นิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง คุณธรรมและจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 17 18 มกราคม 2561 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปี ขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา และอาชีพทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,250 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับคุณธรรมและจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างด้วยความน่าจะเป็น จากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ นิด้าโพล ด้วยวิธีแบบแบ่งชั้นภูมิ (Stratified Random Sampling) โดยแบ่งชั้นภูมิตามภูมิภาค จากนั้นในแต่ละภูมิภาคสุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบอย่างง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่นที่ ร้อยละ 950 จากการสำรวจเมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ควรมีมากที่สุด พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 5424 ระบุว่า เป็นความซื่อสัตย์สุจริต โปร่งใส รองลงมา ร้อยละ 1304 ระบุว่า เป็นการไม่ใช้อำนาจ ตำแหน่ง หน้าที่ เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ให้กับตนเองหรือพวกพ้อง เช่น การแก้ไขกฎหมายเพื่อให้ตนเองได้ประโยชน์ การใช้อำนาจหน้าที่ใน ทางมิชอบ ร้อยละ 1256 ระบุว่า เป็นการเอาใจใส่ และความตั้งใจที่จะทำงานเพื่อประเทศชาติ ร้อยละ 680 ระบุว่า เป็นการปฏิบัติตน เป็นแบบอย่างที่ดี เคารพกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับของบ้านเมือง ร้อยละ 664 ระบุว่า เป็นการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาประเทศชาติอย่างเท่าเทียมกันโดยไม่เลือกปฏิบัติ หรือแบ่งแยก ร้อยละ 200 ระบุว่า เป็นการรักษาความเป็นระบอบประชาธิปไตย รับฟังเสียงส่วนน้อย ยึดหลักการมี ส่วนร่วม ร้อยละ 184 ระบุว่า เป็นการไม่สร้างความแตกแยกในสังคม หรือไม่กล่าวหาฝ่ายตรงข้าม ไม่บิดเบือนข้อเท็จจริง ร้อยละ 128 ระบุว่า มีความรับผิดชอบในสิ่งที่ทำ ร้อยละ 120 ระบุว่า ยึดหลักความพอเพียง ใช้ทรัพย์สินของราชการเป็นประโยชน์ เกิดความคุ้มค่ามากที่สุด และร้อยละ 040 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ ผลการสำรวจนี้แสดงให้เห็นว่าในสังคมไทยประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยให้ความสำคัญกับการใช้อำนาจ ตำแหน่ง หน้าที่เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ให้กับตนเองหรือพวกพ้อง หรือยังไม่ให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ทับซ้อนเท่าที่ควร ด้านความคิดเห็นเกี่ยวกับจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในภาพรวม (ได้แก่ ครม สนช สปท) พบว่า ร้อยละ 4200 ระบุว่า ไม่ค่อยมีจริยธรรม ร้อยละ 1048 ระบุว่า มีจริยธรรมมาก ร้อยละ 3128 ระบุว่า มีจริยธรรมค่อนข้างมาก ร้อยละ 1120 ระบุว่า ไม่มีจริยธรรมเลย และร้อยละ 504 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ แสดงให้เห็นว่าแม้ในปัจจุบันก็ยังเชื่อว่าผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในภาพรวมไม่ค่อยมีจริยธรรม ซึ่งไม่สอดคล้องกับนโยบายของคสช ที่ต้องการเน้นจริยธรรมและการปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่นในการบริหารราชการแผ่นดิน สำหรับการตัดสินใจของประชาชนหากต้องเลือกระหว่าง ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่เก่ง มีผลงาน แต่ ไม่มีจริยธรรม กับ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่มีจริยธรรม แต่ ไม่เก่ง มีผลงานน้อย พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 7488 ระบุว่า จะเลือกผู้ดำรงตำแหน่ง ทางการเมืองที่มีจริยธรรม แต่ ไม่เก่ง มีผลงานน้อย ขณะที่ ร้อยละ 1736 ระบุว่า จะเลือกผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่เก่ง มีผลงาน แต่ ไม่มีจริยธรรม ร้อยละ 368 ระบุว่า ไม่เลือกทั้งสองแบบ และร้อยละ 408 ระบุว่า ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ แสดงให้เห็นว่ามากกว่าสามในสี่ของประชาชนยังยอมรับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ไม่เก่งแต่ไม่โกงได้ มากกว่าผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่เก่งแต่โกง ท้ายที่สุด เมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับสิ่งที่ควรทำ เพื่อให้ประเทศไทยมีแต่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ดี เก่ง มีผลงาน และมีจริยธรรม พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 3520 ระบุว่า ควรมีบทลงโทษทางวินัยอย่างเคร่งครัด รองลงมา ร้อยละ 2952 ระบุว่า ควรมีหน่วยงานตรวจสอบคุณธรรม จริยธรรม และความประพฤติของนักการเมือง ร้อยละ 2144 ระบุว่า ควรมีระบบคัดกรองนักการเมืองน้ำดี มีคุณภาพ ร้อยละ 1960 ระบุว่า ประชาชนต้องไม่ซื้อสิทธิขายเสียง ร้อยละ 1480 ระบุว่า ควรแก้ไขที่ระบบการศึกษาของไทย ร้อยละ 1400 ระบุว่า ควรสร้างค่านิยมใหม่ ๆ ปรับทัศนคติ ค่านิยมคนไทยบางกลุ่มที่ยึดติดกับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ไม่มีจริยธรรม แต่เก่ง มีผลงานหรือทัศนคติที่ว่าโกงได้ แต่ขอให้ประเทศพัฒนา ร้อยละ 168 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ มีความซื่อสัตย์ต่อตนเอง, เร่งปฏิรูปการเมืองและนักการเมือง, ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในกระบวนการตรวจสอบความโปร่งใสในการทำงานของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และร้อยละ 320 ไม่ระบุ/ ไม่แน่ใจ แสดงให้เห็นว่าประชาชนต้องการให้มีการลงโทษผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่โกง ต้องมีการตรวจสอบ และมีการคัดกรองนักการเมืองที่ดี กล่าวโดยสรุป ประชาชนต้องการผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่มีความซื่อสัตย์ สุจริต โปร่งใส แต่ยังไม่ให้ความสำคัญเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนมากนัก อย่างไรก็ตามประชาชนมีความเห็นว่าผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในปัจจุบันไม่ค่อยมีจริยธรรมซึ่งผลการสำรวจนี้ไม่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่เน้นเรื่องจริยธรรมและความซื่อสัตย์สุจริต นอกจากนี้ประชาชนยังทนและยอมรับได้กับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ไม่เก่งแต่ไม่โกง มากกว่าผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่เก่งแต่โกง และประชาชนต้องการให้มีการลงโทษผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่โกง ต้องมีการตรวจสอบที่เข้มข้น และมีการคัดกรองนักการเมืองที่ดี เมื่อพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 888 มีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพฯ ตัวอย่างร้อยละ 2528 มีภูมิลำเนาอยู่ปริมณฑลและภาคกลาง ร้อยละ 1816 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคเหนือ ร้อยละ 3344 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และร้อยละ 1424 มีภูมิลำเนา อยู่ภาคใต้ ตัวอย่าง ร้อยละ 5576 เป็นเพศชาย ร้อยละ 4416 เป็นเพศหญิง และร้อยละ 008 เป็นเพศทางเลือก ตัวอย่างร้อยละ 496 มีอายุ 18 25 ปี ตัวอย่าง ร้อยละ 1744 มีอายุ 26 35 ปี ร้อยละ 2352 มีอายุ 36 45 ปี ร้อยละ 3264 มีอายุ 46 59 ปี ร้อยละ 1920 มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และร้อยละ 224 ไม่ระบุอายุ ตัวอย่าง ร้อยละ 9112 นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 328 นับถือศาสนาอิสลาม ร้อยละ 144 นับถือศาสนาคริสต์ /ฮินดู/ซิกข์/ยิว/ไม่นับถือศาสนาใด ๆ และร้อยละ 416 ไม่ระบุศาสนา ตัวอย่าง ร้อยละ 2360 ระบุว่าสถานภาพโสด ร้อยละ 6728 สมรสแล้ว ร้อยละ 504 หม้าย หย่าร้าง แยกกันอยู่ และร้อยละ 408 ไม่ระบุสถานภาพการสมรส ตัวอย่างร้อยละ 2536 จบการศึกษาประถมศึกษาหรือต่ำกว่า ร้อยละ 2880 จบการศึกษามัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 752 จบการศึกษาอนุปริญญาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 2720 จบการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า ร้อยละ 656 จบการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และร้อยละ 456 ไม่ระบุการศึกษา ตัวอย่างร้อยละ 1304 ประกอบอาชีพข้าราชการ/ลูกจ้าง/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 1512 ประกอบอาชีพพนักงานเอกชน ร้อยละ 2248 ประกอบอาชีพเจ้าของธุรกิจ/อาชีพอิสระ ร้อยละ 1344 ประกอบอาชีพเกษตรกร/ประมง ร้อยละ 1472 ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป/ ผู้ใช้แรงงาน ร้อยละ 1472 เป็นพ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงาน ร้อยละ 192 เป็นนักเรียน/นักศึกษา ร้อยละ 008 เป็นพนักงานองค์กรอิสระที่ไม่แสวงหากำไร และร้อยละ 448 ไม่ระบุอาชีพ ตัวอย่างร้อยละ 1008 ไม่มีรายได้ ร้อยละ 2376 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนไม่เกิน 10,000 บาท ร้อยละ 2336 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,001 20,000 บาท ร้อยละ 1248 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,001 30,000 บาท ร้อยละ 680 มีรายได้เฉลี่ย ต่อเดือน 30,001 40,000 บาท ร้อยละ 992 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 40,001 บาทขึ้นไป และร้อยละ 1360 ไม่ระบุรายได้¡£
ยิ้มเล็กน้อย 2021-02-25 07:05:29
ขณะที่นายสิริเชษฐ จิรพงษ์วัฒนะ เจ้าของแบรนด์ ชิมมะฟรุตผลไม้อบแห้ง กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นเมืองผลไม้อยู่แล้ว โดยเฉพาะมะม่วงกับทุเรียน เป็นที่ชื่นชอบของคนจีนมาก จึงได้คิดทำอบแห้งน้ำกะทิ โดยในห่อจะมีผลไม้อบแห้งกับกะทิผง เวลารับประทานสามารถละลายน้ำจิ้มทานได้เลย รสชาติจะคล้ายทุเรียนน้ำกะทิ ได้รับการตอบรับค่อนข้างดี นอกจากนี้ยังมีเมนูถั่วซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ เรามองว่าถั่วมีประโยชน์ มีโปรตีนสูง จึงได้ทำเป็นถั่วอบแห้งไม่ผสมเกลือ แต่คงรสชาติถั่วดั้งเดิม เนื่องจากเราอยากให้คนกินถั่วเพื่อสุขภาพ โดยจะเน้นขายในประเทศ สำหรับการจัดบูธในงานสร้างเศรษฐกิจชุมชน รวมพลคนฐานราก เป็นการสร้างความเชื่อมั่นว่าผลิตภัณฑ์ผลไม้อบแห้งของเราสามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ ต่อจากนี้จะประสานกรมการค้าระหว่างประเทศเพื่อออกบูธในต่างประเทศด้วยเพื่อให้ต่างชาติรู้จักกับผลไม้ไทยมากขึ้น ด้านนางพรทิพย์ พุ่มสำเนียง สมาชิกกองทุนหมู่บ้านกระแซง อำเภอเมืองปทุมธานี กล่าวว่า เป็นสมาชิกกองทุนมาเป็น 6-7 ปีแล้ว สินค้าหลักของกลุ่มจะเป็นผลไม้ตามฤดูกาล มีทุเรียน มังคุด ลองกอง รางสาด หน้าหนาวก็จะเป็น สตรอว์เบอร์รี ไรซ์เบอร์รี อะโวคาโด เสาวรส ก่อนที่จะเข้ามาร่วมออกร้านค้าในงานแบบนี้เรามีรายได้แค่วันละพันสองพันบาท พอเข้าร่วมแล้วเราทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นวันละเป็นหมื่น ออกขายนอกพื้นที่ทำให้เราขยายตลาดได้มากขึ้น ลูกค้ารู้จักมากขึ้น บางรายโทรตามเพื่อซื้อสินค้า อย่างมาเปิดร้านที่คลองผดุงฯ ก็ได้ลูกค้ามากขึ้น ขายดีมาก เราเป็นกลุ่มที่มีชาวสวนเป็นสมาชิกเยอะ เราก็รับซื้อจากสมาชิกของเรามาขาย เดือนหนึ่งออกร้านแบบนี้สัก 4-5 วัน ก็ทำให้มีรายได้มากขึ้นกว่าแต่ก่อน แล้วเรายังได้ช่วยเพื่อนๆ สมาชิกของเราด้วย รายได้ต่อเดือนหักค่าใช้จ่ายก็เยอะกว่าเดิมมาก อยากให้มีการจัดงานได้แบบนี้เรื่อยๆ เพราะไม่ได้แค่เรายังช่วยสมาชิกกองทุนหมู่บ้านคนอื่นด้วย เพราะเพื่อนสมาชิกกองทุนบางรายมีสินค้าจำนวนน้อยก็ไม่พอมาออกร้าน ก็เอามาให้เราช่วยขายต่อเป็นการช่วยเหลือกันอีกทางหนึ่ง ส่วนนางสาวพิชญภัสสร์ ปลื้มภรมย์ เจ้าของร้านกาแฟข้าวกล้องงอก จังหวัดราชบุรี กล่าวว่า เริ่มต้นจากการขายข้าวออร์แกนิก โดยเฉพาะข้าวเพาะงอก หรือข้าวฮาง มีประโยชน์สูงมาก แต่คนไม่นิยมบริโภค ประกอบกับกระแสกาแฟกำลังได้รับความนิยม จึงได้ลองคิดค้นบดข้าวกล้องงอกผสมในเครื่องดื่มประเภทกาแฟเพื่อเป็นเมนูทางเลือกให้กับลูกค้าที่ดูแลสุขภาพ แต่ก็ชอบกินกาแฟ และใช้หญ้าหวานแทนน้ำตาล โดยเปิดตัวครั้งแรกด้วยการออกบูธตามโรงพยาบาล ซึ่งคนส่วนใหญ่ที่ดื่มก็จะบอกว่า รสชาติดี ดื่มง่าย จากนั้นก็นำมาผสมกับเครื่องดื่มตัวอื่นๆ ด้วย ผลตอบรับดีเกินคาด ในอนาคตอยากเปิดเป็นร้านกาแฟเพื่อสุขภาพต้นแบบในลักษณะคาเฟ่ มีอาหารเครื่องดื่มบริการพร้อม ซึ่งการมาออกร้านที่งานสร้างเศรษฐกิจชุมชน รวมพลคนฐานรากนี้ อยากให้คนรู้จักกาแฟข้าวกล้องงอกให้มากขึ้น และอยากให้มีการกระจายวัตถุดิบไปสู่ร้านกาแฟอื่นๆ เพื่อให้คนไทยได้ดื่มเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพด้วย รวมถึงการนำผลิตภัณฑ์สุขภาพไปงานร้านในต่างประเทศเพื่อให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นด้วย £¬21 มค 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าศาลจังหวัดพิจิตร ได้อ่านคำพิพากษาคดีที่บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) เป็นโจทก์ ฟ้องนางสาวสมรักษ์ หุตานุวัตร จำเลย ซึ่งทำงานองค์กรเอกชนหรือเอ็นจีโอด้านสิ่งแวดล้อม ความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และ พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ¡£ถามหาจริยธรรมความซื่อสัตย์ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 21 มกราคม พศ 2561 เวลา 10:29 น 21 มค61- ศูนย์สำรวจความคิดเห็น นิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง คุณธรรมและจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 17 18 มกราคม 2561 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปี ขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา และอาชีพทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,250 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับคุณธรรมและจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างด้วยความน่าจะเป็น จากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ นิด้าโพล ด้วยวิธีแบบแบ่งชั้นภูมิ (Stratified Random Sampling) โดยแบ่งชั้นภูมิตามภูมิภาค จากนั้นในแต่ละภูมิภาคสุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบอย่างง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่นที่ ร้อยละ 950 จากการสำรวจเมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ควรมีมากที่สุด พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 5424 ระบุว่า เป็นความซื่อสัตย์สุจริต โปร่งใส รองลงมา ร้อยละ 1304 ระบุว่า เป็นการไม่ใช้อำนาจ ตำแหน่ง หน้าที่ เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ให้กับตนเองหรือพวกพ้อง เช่น การแก้ไขกฎหมายเพื่อให้ตนเองได้ประโยชน์ การใช้อำนาจหน้าที่ใน ทางมิชอบ ร้อยละ 1256 ระบุว่า เป็นการเอาใจใส่ และความตั้งใจที่จะทำงานเพื่อประเทศชาติ ร้อยละ 680 ระบุว่า เป็นการปฏิบัติตน เป็นแบบอย่างที่ดี เคารพกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับของบ้านเมือง ร้อยละ 664 ระบุว่า เป็นการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาประเทศชาติอย่างเท่าเทียมกันโดยไม่เลือกปฏิบัติ หรือแบ่งแยก ร้อยละ 200 ระบุว่า เป็นการรักษาความเป็นระบอบประชาธิปไตย รับฟังเสียงส่วนน้อย ยึดหลักการมี ส่วนร่วม ร้อยละ 184 ระบุว่า เป็นการไม่สร้างความแตกแยกในสังคม หรือไม่กล่าวหาฝ่ายตรงข้าม ไม่บิดเบือนข้อเท็จจริง ร้อยละ 128 ระบุว่า มีความรับผิดชอบในสิ่งที่ทำ ร้อยละ 120 ระบุว่า ยึดหลักความพอเพียง ใช้ทรัพย์สินของราชการเป็นประโยชน์ เกิดความคุ้มค่ามากที่สุด และร้อยละ 040 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ ผลการสำรวจนี้แสดงให้เห็นว่าในสังคมไทยประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยให้ความสำคัญกับการใช้อำนาจ ตำแหน่ง หน้าที่เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ให้กับตนเองหรือพวกพ้อง หรือยังไม่ให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ทับซ้อนเท่าที่ควร ด้านความคิดเห็นเกี่ยวกับจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในภาพรวม (ได้แก่ ครม สนช สปท) พบว่า ร้อยละ 4200 ระบุว่า ไม่ค่อยมีจริยธรรม ร้อยละ 1048 ระบุว่า มีจริยธรรมมาก ร้อยละ 3128 ระบุว่า มีจริยธรรมค่อนข้างมาก ร้อยละ 1120 ระบุว่า ไม่มีจริยธรรมเลย และร้อยละ 504 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ แสดงให้เห็นว่าแม้ในปัจจุบันก็ยังเชื่อว่าผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในภาพรวมไม่ค่อยมีจริยธรรม ซึ่งไม่สอดคล้องกับนโยบายของคสช ที่ต้องการเน้นจริยธรรมและการปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่นในการบริหารราชการแผ่นดิน สำหรับการตัดสินใจของประชาชนหากต้องเลือกระหว่าง ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่เก่ง มีผลงาน แต่ ไม่มีจริยธรรม กับ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่มีจริยธรรม แต่ ไม่เก่ง มีผลงานน้อย พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 7488 ระบุว่า จะเลือกผู้ดำรงตำแหน่ง ทางการเมืองที่มีจริยธรรม แต่ ไม่เก่ง มีผลงานน้อย ขณะที่ ร้อยละ 1736 ระบุว่า จะเลือกผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่เก่ง มีผลงาน แต่ ไม่มีจริยธรรม ร้อยละ 368 ระบุว่า ไม่เลือกทั้งสองแบบ และร้อยละ 408 ระบุว่า ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ แสดงให้เห็นว่ามากกว่าสามในสี่ของประชาชนยังยอมรับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ไม่เก่งแต่ไม่โกงได้ มากกว่าผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่เก่งแต่โกง ท้ายที่สุด เมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับสิ่งที่ควรทำ เพื่อให้ประเทศไทยมีแต่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ดี เก่ง มีผลงาน และมีจริยธรรม พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 3520 ระบุว่า ควรมีบทลงโทษทางวินัยอย่างเคร่งครัด รองลงมา ร้อยละ 2952 ระบุว่า ควรมีหน่วยงานตรวจสอบคุณธรรม จริยธรรม และความประพฤติของนักการเมือง ร้อยละ 2144 ระบุว่า ควรมีระบบคัดกรองนักการเมืองน้ำดี มีคุณภาพ ร้อยละ 1960 ระบุว่า ประชาชนต้องไม่ซื้อสิทธิขายเสียง ร้อยละ 1480 ระบุว่า ควรแก้ไขที่ระบบการศึกษาของไทย ร้อยละ 1400 ระบุว่า ควรสร้างค่านิยมใหม่ ๆ ปรับทัศนคติ ค่านิยมคนไทยบางกลุ่มที่ยึดติดกับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ไม่มีจริยธรรม แต่เก่ง มีผลงานหรือทัศนคติที่ว่าโกงได้ แต่ขอให้ประเทศพัฒนา ร้อยละ 168 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ มีความซื่อสัตย์ต่อตนเอง, เร่งปฏิรูปการเมืองและนักการเมือง, ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในกระบวนการตรวจสอบความโปร่งใสในการทำงานของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และร้อยละ 320 ไม่ระบุ/ ไม่แน่ใจ แสดงให้เห็นว่าประชาชนต้องการให้มีการลงโทษผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่โกง ต้องมีการตรวจสอบ และมีการคัดกรองนักการเมืองที่ดี กล่าวโดยสรุป ประชาชนต้องการผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่มีความซื่อสัตย์ สุจริต โปร่งใส แต่ยังไม่ให้ความสำคัญเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนมากนัก อย่างไรก็ตามประชาชนมีความเห็นว่าผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในปัจจุบันไม่ค่อยมีจริยธรรมซึ่งผลการสำรวจนี้ไม่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่เน้นเรื่องจริยธรรมและความซื่อสัตย์สุจริต นอกจากนี้ประชาชนยังทนและยอมรับได้กับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ไม่เก่งแต่ไม่โกง มากกว่าผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่เก่งแต่โกง และประชาชนต้องการให้มีการลงโทษผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่โกง ต้องมีการตรวจสอบที่เข้มข้น และมีการคัดกรองนักการเมืองที่ดี เมื่อพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 888 มีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพฯ ตัวอย่างร้อยละ 2528 มีภูมิลำเนาอยู่ปริมณฑลและภาคกลาง ร้อยละ 1816 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคเหนือ ร้อยละ 3344 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และร้อยละ 1424 มีภูมิลำเนา อยู่ภาคใต้ ตัวอย่าง ร้อยละ 5576 เป็นเพศชาย ร้อยละ 4416 เป็นเพศหญิง และร้อยละ 008 เป็นเพศทางเลือก ตัวอย่างร้อยละ 496 มีอายุ 18 25 ปี ตัวอย่าง ร้อยละ 1744 มีอายุ 26 35 ปี ร้อยละ 2352 มีอายุ 36 45 ปี ร้อยละ 3264 มีอายุ 46 59 ปี ร้อยละ 1920 มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และร้อยละ 224 ไม่ระบุอายุ ตัวอย่าง ร้อยละ 9112 นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 328 นับถือศาสนาอิสลาม ร้อยละ 144 นับถือศาสนาคริสต์ /ฮินดู/ซิกข์/ยิว/ไม่นับถือศาสนาใด ๆ และร้อยละ 416 ไม่ระบุศาสนา ตัวอย่าง ร้อยละ 2360 ระบุว่าสถานภาพโสด ร้อยละ 6728 สมรสแล้ว ร้อยละ 504 หม้าย หย่าร้าง แยกกันอยู่ และร้อยละ 408 ไม่ระบุสถานภาพการสมรส ตัวอย่างร้อยละ 2536 จบการศึกษาประถมศึกษาหรือต่ำกว่า ร้อยละ 2880 จบการศึกษามัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 752 จบการศึกษาอนุปริญญาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 2720 จบการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า ร้อยละ 656 จบการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และร้อยละ 456 ไม่ระบุการศึกษา ตัวอย่างร้อยละ 1304 ประกอบอาชีพข้าราชการ/ลูกจ้าง/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 1512 ประกอบอาชีพพนักงานเอกชน ร้อยละ 2248 ประกอบอาชีพเจ้าของธุรกิจ/อาชีพอิสระ ร้อยละ 1344 ประกอบอาชีพเกษตรกร/ประมง ร้อยละ 1472 ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป/ ผู้ใช้แรงงาน ร้อยละ 1472 เป็นพ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงาน ร้อยละ 192 เป็นนักเรียน/นักศึกษา ร้อยละ 008 เป็นพนักงานองค์กรอิสระที่ไม่แสวงหากำไร และร้อยละ 448 ไม่ระบุอาชีพ ตัวอย่างร้อยละ 1008 ไม่มีรายได้ ร้อยละ 2376 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนไม่เกิน 10,000 บาท ร้อยละ 2336 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,001 20,000 บาท ร้อยละ 1248 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,001 30,000 บาท ร้อยละ 680 มีรายได้เฉลี่ย ต่อเดือน 30,001 40,000 บาท ร้อยละ 992 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 40,001 บาทขึ้นไป และร้อยละ 1360 ไม่ระบุรายได้¡£